นโยบายความเป็นส่วนตัว สำหรับพนักงาน

1 วัตถุประสงค์

 

เนื่องจาก บริษัท วินสตาร์ไล้ท์ติ้ง จำกัด (“บริษัท”) ตระหนักถึงความสำคัญและหน้าที่ภายใต้ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 จึงจัดให้มีนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ขึ้นตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 (“พรบ.คุ้มครอบข้อมูลส่วนบุคคล”) เพื่อแจ้งให้ท่านทราบถึงวิธีการ วัตถุประสงค์ รายละเอียดของข้อมูลที่เก็บ รวมรวม ใช้หรือเปิดเผย ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิ์ของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล การรักษาความลับและความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล และวิธีการที่ท่านสามารถติดต่อกับบริษัท

2. ขอบข่าย

 

นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ ให้ใช้กับข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงผู้สมัครงานและผู้สัมภาษณ์งาน พนักงานปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นพนักงานที่ประจำอยู่ในประเทศไทยหรือที่ได้ร้บมอบให้ไปปฏิบัติงานที่ต่างประเทศหรือองค์กรอื่น อดีตพนักงาน พนักงานที่เกษียณอายุแล้ว พนักงานชั่วคราว ผู้รับจ้าง พนักงานภายนอกองค์กร ที่ปรึกษา นักศึกษาฝึกงาน ผู้รับทุน พยานและบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น บุคคลในครอบครัวของพนักงาน บุคคลติดต่อกรณีฉุกเฉิน เป็นต้น ต่อจากนี้ เรียกว่า “ท่าน” นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ (“นโยบายความเป็นส่วนตัว”) จัดทำขึ้นเพื่ออธิบายวิธีการที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้เปิดเผย และ/หรือโอนไปยังต่างประเทศซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตลอดจนการแจ้งสิทธิตามกฏหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อแสดงความโปร่งใสของบริษัทในการดำเนินกิจการที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวมรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนไปยังต่างประเทศซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้อันสอดคล้องกับข้อกำหนดภายใต้กฏหมายว่าด้วยการคุ้มครองส่วนบุคคล

3. คำนิยามข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง

 

3.1 ข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data) หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคล ซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ที่ถึงแก่กรรม เช่น ชื่อ นามสกุล หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่ อีเมล์ หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน รูปถ่าย ประวัติการทำงาน เป็นต้น

 

3.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Personal Data) หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลที่กฎหมายกำหนดเป็นการเฉพาะ เช่น เชื้อชาติ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนา หรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ (Biometric) หรือข้อมูลอื่นใดในทำนองเดียวกันที่กฎหมายกำหนด ซึ่งบริษัทฯ ต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยบริษัทฯ จะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว ต่อเมื่อได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูล หรือในกรณีที่บริษัทฯ มีความจำเป็นต้องดำเนินการตามที่กฎหมายอนุญาต

 

กรณีบริษัทฯ ได้รับสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของท่าน หรือบริษัทฯ นำข้อมูลของท่านด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์ตัวตนในการสมัครงาน การเปลี่ยนแปลงข้อมูลพนักงาน การร้องขอ และ/หรือการทำธุรกรรมใดๆ กับบริษัทฯ ข้อมูลที่ได้รับจะมีข้อมูลศาสนาด้วย ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Personal Data) บริษัทฯ ไม่มีนโยบายจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวจากเจ้าของข้อมูล ยกเว้นในกรณีที่บริษัทฯ ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล ทั้งนี้บริษัทฯ จะกำหนดวิธีการจัดการตามแนวทางปฏิบัติและเป็นไปตามที่กฎหมายอนุญาต

4. บริษัทเก็บรวมรวมและนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปใช้หรือเปิดเผยอย่างไร

 

บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเฉพาะกรณีที่จำเป็นหรือมีฐานทางกฎหมายเท่านั้น ซึ่งรวมถึงการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (ก) ตามภาระหน้าที่ตามกฎหมาย (ข) ตามสัญญาที่ท่านได้ทำไว้กับบริษัท (ค) เพื่อประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัท (ง) ตามความยินยอมของท่าน และ/หรือ (จ) ตามฐานทางกฎหมายอื่น โดยวัตถุประสงค์ในเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของบริษัท มีดังต่อไปนี้

 

4.1 ภาระหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท เนื่องจากบริษัทอยู่ภายใต้การกำกับดูแล และต้องดำเนินการตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง บริษัทจึงมีความจำเป็นจะต้องเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายและกฎระเบียบของหน่วยงานรัฐที่กำหนดอย่างน้อยดังต่อไปนี้

      (1) พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

      (2) ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์, พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน, พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ รวมถึงกฎหมายแรงงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

 

4.2 สัญญาที่ท่านได้ทำไว้กับบริษัท บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามเอกสารคำขอ ข้อตกลง หรือสัญญาที่ท่านทำไว้กับบริษัท และเพื่อวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในเอกสารดังต่อไปนี้

      (1) การสมัครงาน การสรรหาบุคลากร การสัมภาษณ์ การทำแบบทดสอบ และการประเมินความสามารถของผู้สมัคร

      (2) การจ้างงาน การเจรจา การอนุมัติการจ้าง การจัดทำ แก้ไข เปลี่ยนแปลง ต่ออายุ หรือการดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับสัญญาจ้าง สัญญานายหน้า รวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้าง

      (3) การตรวจสอบ คุณสมบัติและประเมินเพื่อแต่งตั้งผู้บริหาร หรือตำแหน่งที่สำคัญอื่น ๆ

      (4) การปฏิบัติตามสัญญาจ้าง ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน ระเบียบ คำสั่งของบริษัท

      (5) การทำสัญญาหรือข้อตกลงเกี่ยวกับการฝึกงาน

 

4.3 ประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัท บริษัทจะใช้หลักสิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย โดยการเปรียบเทียบความสำคัญระหว่างลักษณะข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย กับสิ่งที่ท่านคาดว่าจะได้รับโดยปกติ โดยบริษัทจะให้การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับสิทธิและเสรีภาพพื้นฐานของท่าน ทั้งนี้ การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้ฐานทางกฎหมายนี้ จะเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคล หรือให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นปัจจุบันแก่บริษัทอาจส่งผลกระทบต่อเจ้าของข้อมูลที่อาจไม่สามารถทำธุรกรรมกับบริษัท หรืออาจไม่ได้รับความสะดวกหรือไม่ได้รับการปฏิบัติตามสัญญาที่มีอยู่กับบริษัท และอาจทำให้เจ้าของข้อมูลได้รับความเสียหายหรือเสียโอกาส และอาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติตามกฎหมายใดๆ ที่เจ้าของข้อมูลหรือบริษัทต้องปฏิบัติตาม

ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคล หรือให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นปัจจุบันแก่บริษัทอาจส่งผลกระทบต่อเจ้าของข้อมูลที่อาจไม่สามารถทำธุรกรรมกับบริษัท หรืออาจไม่ได้รับความสะดวกหรือไม่ได้รับการปฏิบัติตามสัญญาที่มีอยู่กับบริษัท และอาจทำให้เจ้าของข้อมูลได้รับความเสียหายหรือเสียโอกาส และอาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติตามกฎหมายใดๆ ที่เจ้าของข้อมูลหรือบริษัทต้องปฏิบัติตาม

      (1) การใช้ข้อมูลของบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้สมัครงาน ในขั้นตอนการสรรหาบุคลากร การสัมภาษณ์ และการประเมินผู้ สมัครรวมถึงการจัดเก็บข้อมูลของผู้ได้รับผลประโยชน์ของพนักงาน

      (2) การดำเนินการในกรณีที่ข้อมูลของท่านมีความจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาระหว่างบริษัทและบุคคลอื่น ซึ่งท่านไม่ได้เป็นคู่สัญญาด้วย

      (3) การดำเนินการเกี่ยวกับการบันทึกข้อมูล และระบบการจัดเก็บข้อมูลภายในของบริษัท

      (4) การดำเนินการเกี่ยวกับการอบรม การพัฒนาความรู้ หรือความสามารถของบุคคลากรรวมถึงการบริหารและวางแผนที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างองค์กร

      (5) การดำเนินการเกี่ยวกับความปลอดภัยและความต่อเนื่องทางธุรกิจ รวมถึงการบริหารจัดการความเสี่ยงภายในของ บริษัท การรายงานเหตุการณ์ผิดปกติจากการดำเนินงาน

      (6) การตรวจสอบประวัติพนักงานหรือนายหน้าของบริษัท

      (7) การดำเนินการทางด้านบัญชี การเงิน หรือการบริหารงานภายในอื่นๆ ของบริษัท

      (8) การดำเนินการเกี่ยวกับข้อพิพาทรวมทั้งการแก้ปัญหาข้อพิพาท การก่อตั้งสิทธิเรียกร้องการปฏิบัติตามหรือการใช้ สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

      (9) การให้ข้อมูลเกี่ยวกับการจ้างงานพนักงาน การเปิดเผยสถานะการเป็นพนักงานแก่บุคคลภายนอก เช่น บริษัท ภายในกลุ่มธุรกิจการเงินของบริษัท

      (10) การจัดทำรายงานต่างๆ ให้หน่วยงานภายในของบริษัท รวมถึงการทำแบบสอบถามหรือการเก็บและการวิเคราะห์ ข้อมูลต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการทำงานภายในองค์กร

 

4.4 ความยินยอมของท่าน โดยทั่วไปแล้วบริษัทจะไม่เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หากบริษัทไม่มีฐานทางกฎหมายในการดำเนินการดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่จำเป็น บริษัทจะขอความยินยอมจากท่านในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อประโยชน์ของตัวท่านเอง ในกรณีต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

      (1) บริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว (Sensitive Data) เช่น เพื่อใช้ในการยืนยันตัวบุคคล (Authentication) ในการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม หรือในการจัดสิทธิประโยชน์สวัสดิการเกี่ยวกับสุขภาพให้แก่พนักงาน

      (2) บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ ซึ่งอาจมีมาตรฐานในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ต่ำกว่าประเทศไทย

      (3) กรณีที่เจ้าของข้อมูลเป็นผู้เยาว์ คนเสมือนไร้ความสามารถ คนไร้ความสามารถ ซึ่งต้องได้รับความยินยอมจากบิดามารดา ผู้ปกครอง ผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ (แล้วแต่กรณี)

4.5 ฐานทางกฎหมายอื่นๆ นอกจากฐานทางกฎหมายข้างต้น บริษัทอาจเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้ฐานทางกฎหมายอื่นดังนี้

      (1) เมื่อจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติน

      (2) เมื่อบริษัทเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะเป็นไปเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล

      (3) เมื่อบริษัทเชื่อว่าการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจ เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพื่อการใช้อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่

5. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวม"

 

5.1บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทรวบรวมจะขึ้นอยู่กับบริบทของการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับท่าน ตำแหน่ง หน้าที่และความรับผิดชอบของท่านที่มีต่อเรา และประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านเป็นเจ้าของ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ความยินยอมของท่านผู้สมัครงานและผู้สัมภาษณ์งาน พนักงานปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นพนักงานที่ประจำอยู่ในประเทศไทยหรือที่ได้ร้บมอบให้ไปปฏิบัติงานที่ต่างประเทศหรือองค์กรอื่น อดีตพนักงาน พนักงานที่เกษียณอายุแล้ว พนักงานชั่วคราว ผู้รับจ้าง พนักงานภายนอกองค์กร ที่ปรึกษา นักศึกษาฝึกงาน ผู้รับทุน พยานและบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

 

ข้อมูลส่วนบุคคล ได้แก่

1.ข้อมูลรายละเอียดส่วนตัว

      • เช่นคำนำหน้าชื่อ ชื่อ-สกุล เพศ วันเกิด อายุ สัญชาติ ภูมิลำเนาที่เกิด ลายมือชื่อ สถานภาพการสมรส จำนวนบุตร ประวัติทางราชการทหาร
      • ประวัติการอุปสมบท ข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารที่รัฐบาลออกให้(เช่น บัตรประจำตัวประชาชน หนังสือเดินทาง วีซ่า หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี
      • ใบอนุญาตทำงาน สำเนาทะเบียนบ้าน รูปถ่าย เอกสารแสดงการเปลี่ยนชื่อ/นามสกุล) หมายเลขทะเบียนรถยนต์ สี และรุ่นของรถยนต์
      • รายละเอียดบัญชีบริษัทประวัติการดำรงตำแหน่งทางการเมือง ข้อมูลหลักทรัพย์ค้ำประกัน ประวัติเครดิตบูโร หลักฐานการชำระภาษี

 

2.ข้อมูลการติดต่อ

      • ข้อมูลการติดต่อ เช่น ที่อยู่ไปรษณีย์ตามบัตรประจำตัวประชาชน หรือทะเบียนบ้าน ที่อยู่ไปรษณีย์ปัจจุบัน ที่อยู่ไปรษณีย์ของที่ทำงาน หมายเลขโทรศัพท์
      • หมายเลขโทรสาร ที่อยู่อีเมล บัญชีผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ที่อยู่ของนักเรียนทุนที่เดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศ

 

3.ข้อมูลการศึกษา

      • เช่น คุณวุฒิการศึกษา ข้อมูลหลักฐานแสดงคุณวุฒิทางการศึกษา สถานศึกษา/สถาบันสาขาวิชา วิชาเอก ปีที่สำเร็จการศึกษา คะแนนเฉลี่ยสะสม
      • สำเนาใบแสดงผลการศึกษา สำเนาใบปริญญาบัตรหลักสูตรการฝึกอบรม / สัมมนาที่เกี่ยวข้อง ประกาศนียบัตร / คุณวุฒิพิเศษ สถาบันที่มีการอบรม
      • ระยะเวลาอบรม ปีที่อบรม ข้อมูลเพื่อใช้บริหารจัดการด้านทุนการศึกษา ได้แก่ ผลการทดสอบที่ใช้สำหรับศึกษาต่อในประเทศ
      • และต่างประเทศ ข้อมูลตอบรับจากทางสถาบันการศึกษาในต่างประเทศ เป็นต้น

 

4.ข้อมูลการทำงาน

      • เช่น รหัสพนักงาน User ID/รหัสผ่านตั้งต้น ข้อมูลบัตรประจำตัวพนักงาน ตำแหน่งสายงาน ชื่อหน่วยงาน รหัสสังกัด ระยะเวลาในการทำงาน ข้อมูลบันทึก
      • เวลาทำงาน เงินเดือน เอกสารแสดงรายได้ หนังสือรับรองการทำงานจากสถานที่ทำงานเดิม รายการการลงทุน /สัญญา ข้อมูลบริษัท/ธุรกิจที่ท่านเกี่ยวข้อง
      • รายงานการมีส่วนได้เสียในนิติบุคคลอื่น ข้อมูลการถือหุ้นในนิติบุคคลต่าง ๆ รายงานการถือหลักทรัพย์ของบริษัท หลักฐานแสดงการชำระภาษีเงินได้ ข้อมูล
      • เกี่ยวกับใบอนุญาตของท่าน (เช่น เลขที่บัตรใบอนุญาต วันที่ออกบัตรและวันหมดอายุบัตร ประวัติการสอบและผลการสอบ)
      • ประสบการณ์ทำงาน (เช่น สถานที่ทำงาน (ปัจจุบัน / อดีต)
      • อาชีพ ตำแหน่ง เงินเดือน /รายได้ต่อเดือน รายละเอียดค่าตอบแทนวันที่เริ่มทำงาน วันที่สิ้นสุดการทำงาน อายุงาน)
      • ข้อมูลการทำงานข้าราชการ (หากมี) และ เอกสารประกอบการพิจารณาอื่น ๆ

 

5.ข้อมูลเกี่ยวกับเงินเดือนและสวัสดิการของท่าน

      • เช่น บันทึกเงินเดือน (เช่น ฐานเงินเดือน ระดับเงินเดือนโบนัส)
      • ค่าใช้จ่าย ค่าตอบแทน ค่านายหน้า ค่าทำงานล่วงเวลา ค่าทำงานกะ ค่ารักษาพยาบาล ค่าทำงาน

 

6.ข้อมูลการสอดส่องเพื่อดูแลความปลอดภัย

      • เช่น ข้อมูลการเข้าใช้ระบบงานภายใน การเข้าอาคาร ข้อมูลที่บันทึกจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด
      • บันทึกเวลาทำงาน (บันทึกการใช้งานอินเทอร์เน็ต อีเมล และ ข้อมูลการใช้โทรศัพท์ รหัสสำหรับระบบข้อมูสสารสนเทศและสิทธิการเข้าถึงระบบข้อมูลสารสนเทศของบริษัท)

 

7.ข้อมูลด้านการปฏิบัติงานและข้อมูลทางวินัย

      • เช่น การประเมินการปฏิบัติงาน ข้อมูลการเลื่อน ย้าย หมุนเวียนเปลี่ยนตำแหน่ง บันทึกการฝึกอบรม ตัวชี้วัด
      • ข้อมูลเกี่ยวกับการฟองร้องทางวินัย กระบวนการ ทางวินัยและการตักเตือนรายละเอียดการพิจารณาเรื่องร้องทุกข์และผลการพิจารณา

 

8.ข้อมูลการลางาน

      • เช่น บันทึกการลา (เช่น ลาประจำ ลาป่วย ลาเพื่อทำหมัน ลากิจธุระ ลาคลอด ลาไปเพื่อฝึกอบรม/เพื่อการศึกษา การลาเพื่อรับราชการทหาร)

 

บริษัทอาจใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อจุดประสงค์ดังต่อไปนี้

 

1. เพื่อการจัดการที่เกี่ยวข้องกับการสมัครงานและ/หรือการจ้างงานหรือบริการ เช่น

      • เพื่อการบันทึกข้อมูลที่เก็บรวบรวมจากผู้สมัครงานในฐานะส่วนหนึ่งของกระบวนการสมัครงาน
      • เพื่อประเมินความเหมาะสมและคุณสมบัติของผู้สมัครงาน
      • เพื่อกระบวนการสรรหา คัดกรองและตรวจสอบประวัติ/สถานภาพของผู้สมัครงาน
      • เพื่อตัดสินใจสัมภาษณ์งานและจ้างงาน และเข้าทำสัญญา
      • เพื่อกำหนดเงินเดือนและข้อมูลสัญญาพื้นฐานอื่น ๆ สำหรับพนักงานใหม่ในตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง
      • เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อปรับปรุงขั้นตอนการรับสมัครงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
      • ติดต่อกลับไปหาลูกค้าตามที่ลูกค้าได้แจ้งข้อมูลไว้ หรือที่ได้แจ้งคำถามหรือข้อสงสัยไว้

 

2. เพื่อการบริหาร การจ่ายค่าตอบแทนและการให้สวัสดิการ เช่น

      • เพื่อทำการจ่ายเงินเดือน ค่าจ้าง ค่าใช้จ่ายค่าตอบแทน โบนัส ค่านายหน้า
      • เพื่อทำเรื่องเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ และให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ แก่ท่าน
      • เพื่อสนับสนุนเงินฌาปนกิจ
      • เพื่อให้สวัสดิการและประกันภัย
      • เพื่อการจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
      • เพื่อบริหารจัดการด้านมอบทุนการศึกษาแก่พนักงานและนักเรียนทุน

 

3. เพื่อการบริหารทรัพยากรบุคคลและการจัดการความสัมพันธ์ เช่น

      • เพื่อพิสูจน์ ระบุ และยืนยันท่านหรือตัวตนของ ท่าน
      • เพื่อบันทึกข้อมูลการทํางานและจัดการเรื่องทางวินัย
      • เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับในการทํางานของบริษัท
      • เพื่อจัดการกิจกรรมที่เกี่ยวกับการทํางาน
      • เพื่อออกบัตรประจําตัวให้แก่พนักงาน
      • เพื่อพัฒนาศักยภาพของท่าน
      • เพื่อจัดฝึกอบรมทั้งภายในและภายนอกองค์กร และงานยุทธศาสตร์ของบริษัท
      • เพื่อออกประกาศนียบัตรสําเร็จ การอบรมหรือการสอบ
      • เพื่อบันทึกชั่วโมงทํางาน เวลาเข้าเวลาออกจากงาน [การติดตามการใช้อินเทอร์เน็ต อีเมล และ โทรศัพท์]
      • เพื่อจัดการการจ้างงานโดยทั่วไป
      • เพื่อประเมินผลการปฏิบัติงาน
      • เพื่อการพิจารณาเลื่อนตําแหน่ง ปรับเงินเดือน และค่าตอบแทนพิเศษประจําปี
      • เพื่อบริหารจัดการใบอนุญาตทํางานของพนักงานต่างชาติ
      • เพื่อบริหาร จัดการบัญชีผู้ทิ้งงานและขึ้นบัญชีพนักงานทุจริตร้ายแรง (Blacklist)
      • เพื่อจัดทําการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติและ รายงานภายใน
      • เพื่อการจัดการพนักงานและคณะทํางานภายในองค์กร
      • เพื่อการจัดการ/การอนุมัติวันลา การหยุด พักผ่อนประจําปี และการจัดการการดูแลสุขภาพ
      • เพื่อวิเคราะห์พนักงาน ประเมินความสามารถในการทํางานและ ปรับเงินเดือน
      • เพื่อสนับสนุนและอํานวยความสะดวกในการทํางานการขอใบอนุญาต การเข้าร่วมอบรมและกิจกรรม อื่นๆ ของบริษัท
      • เพื่อการพิจารณา ปรับ ย้าย หมุนเวียน เปลี่ยนตําแหน่งหรือที่ทํางานของพนักงาน ซึ่งรวมถึง การให้ไปทํางานในต่างประเทศ การเปลี่ยนแปลงประเภทของสัญญาจ้างงาน
      • เพื่อทําให้ข้อมูลของท่านถูกต้องและเป็นปัจจุบัน
      • เพื่อติดตามทวงหนี้ ดอกเบี้ย และ ค่าเสียหาย (หากมี) กรณีบริษัทเป็นผู้เสียหาย
      • เพื่อยืนยันข้อมูลพนักงานแก่สถาบันการเงิน กรณีพนักงานทำธุรกรรมขอสินเชื่อประเภทต่าง
      • เพื่อบริหารจัดการและดําเนินการที่เกี่ยวข้องกับการจ้าง เลิกจ้าง การออกจากงาน การสิ้นสุดสัญญาและการเกษียณอายุ

 

4. เพื่อการดำเนินการของบริษัท และบริษัทในเครือ เช่น

      • เพื่อการให้บริการลูกค้า ติดต่อคู่ค้า ทําสัญญา
      • เพื่อวัตถุประสงค์อื่นตามที่บริษัทกําหนดเกี่ยวกับการจ้างงานหรือบริการจากท่าน (เช่น เพื่อดําเนินกิจกรรมหรือดําเนินงานเพื่อบริษัทหรือในนามของบริษัท) และตามที่กําหนดไว้ในสัญญาจ้างงาน กฎการทํางาน หรือเอกสาร ที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายทรัพยากรบุคคล

 

5. เพื่อการตลาด การส่งเสริมการขาย และการสื่อสาร เช่น

      • เพื่อดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการตลาดและการสื่อสารการโฆษณาทางการตลาด การขาย ข้อเสนอพิเศษ ข่าวสาร ประชาสัมพันธ์ โปรโมชันและการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทการเงินและบริษัทในเครือ นิติบุคคลอื่น รวมถึงข้อมูลผลิตภัณฑ์และบริการที่ใกล้เคียงกับความสนใจของท่านหรือที่บริษัทอาจคาดหมายได้ว่าท่านอาจสนใจ

 

6. เพื่อจัดการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น

      • เพื่อวัตถุประสงค์ในการบริหารจัดการธุรกิจของเรา
      • เพื่อดำเนินการประชาสัมพันธ์ภายในองค์กร รวมถึงการจัดการระบบปฏิบัติการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การจัดการระบบติดต่อสื่อสาร ระบบความปลอดภัยทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศขององค์กร
      • เพื่อทดสอบความตระหนักรู้ของพนักงานเกี่ยวกับระบบความปลอดภัยทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ

 

7. เพื่อการติดต่อสื่อสารกับ พนักงาน บริษัท คนอื่นๆ บุคคลภายนอก เช่น

      • พันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ขายลูกค้า และเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งปัจจุบันและอนาคต)
      • การติดต่อสื่อสารที่เกี่ยวกับงานกิจกรรมของอดีตพนักงานและการสัมภาษณ์พนักงานที่จะออกจากงาน
      • การติดต่อสื่อสารกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับท่านในกรณีฉุกเฉิน
      • การติดต่อสื่อสารจากองค์กรอื่นที่มาสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของพนักงาน
      • การติดต่อสื่อสารจากบริษัทไปยังองค์กรอื่นเพื่อสอบข้อมูลของผู้สมัครหรือสัมภาษณ์งาน
      • การสอบถามสถานะพนักงานจากสถาบันการเงิน

 

8. เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฏหมาย เช่น

      • เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย กระบวนพิจารณา หรือคำสั่งของหน่วยงานรัฐซึ่ง และ/หรือให้ความร่วมมือกับศาล ผู้กำกับดูแล หน่วยงานรัฐ และหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมายในกรณีที่มีเหตุผลอันควรเชื่อได้ว่าเราต้องดำเนินการดังกล่าว โดยเราอาจจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
      • เพื่อปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย กระบวนการทางกฎหมาย หรือคำสั่งของรัฐดังกล่าวอย่างเคร่งครัด โดยรวมถึงการดำเนินการสอบสวนภายใน การร้องเรียนหรือการเรียกร้อง การสืบสวนสอบสวนหรือป้องกันอาชญากรรมการฉ้อโกง
      • เพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

 

9. เพื่อปกป้องประโยชน์อันชอบธรรมของบริษัท เช่น

      • เพื่อรักษาความปลอดภัยและความถูกต้องของธุรกิจของบริษัทหรือบริษัทในเครือ
      • เพื่อใช้สิทธิของบริษัทและปกป้องผลประโยชน์ของบริษัทหรือบริษัทในเครือเมื่อจำเป็นและชอบด้วยกฎหมาย ตัวอย่างเช่น เพื่อตรวจจับ ป้องกัน และตอบสนองต่อข้อร้องเรียนเรื่องการทุจริต ข้อร้องเรียนเรื่องการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาหรือการละเมิดกฎหมาย
      • เพื่อจัดการและป้องกันการสูญเสียทรัพย์สิน เพื่อดูแลให้มีการปฏิบัติตามข้อบังคับและนโยบายที่เกี่ยวข้องของบริษัท
      • เพื่อตรวจจับและป้องกันการกระทำผิดภายในสถานที่ ของบริษัท ซึ่งรวมถึง การใช้งานกล้องโทรทัศน์วงจรปิด
      • เพื่อติดตามสถานการณ์ต่างๆ
      • เพื่อป้องกันและรายงานอาชญากรรม
      • เพื่อรักษาความปลอดภัยและความถูกต้องของธุรกิจของบริษัท
      • เพื่อดำเนินการบริหาร การจัดทำรายงาน นโยบายภายในตามขอบเขตในการปฏิบัติงานของบริษัท

 

10. เพื่อคุ้มครองข้อมูลความลับ และทรัพย์สิน เช่น

      • ารคุ้มครองลูกค้า พนักงาน และบุคคลอื่น ๆความปลอดภัยของระบบและสถานที่ของบริษัทและบริษัทในเครือ หรือเพื่อประโยชน์อื่นใดในการคุ้มครองข้อมูลความลับหรือทรัพย์สินของบริษัทและบริษัทในเครือ

 

11. เพื่อบริหารความเสี่ยงและการปกป้องสิทธิ เช่น

      • เพื่อจัดการความเสี่ยง ตรวจสอบประสิทธิภาพ และประเมิน ความเสี่ยง
      • เพื่อจัดตั้งดัชนีชี้วัดความเสี่ยง จัดทําการสรุปข้อมูลสําหรับการบริหารความเสี่ยง
      • เพื่อวิเคราะห์และคาดเดา ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นรวมถึงวิธีการรับมือ
      • เพื่อประเมินความเสี่ยงและแนะนําหากต้องมีการเปลี่ยนแปลงและแสวงหาวิธีการใดๆ ในการจัดการความเสี่ยง การปกป้องทรัพย์สิน ความปลอดภัยหรือการดําเนินการของบริษัท บริษัทในเครือท่านและบุคคลอื่นๆ
      • เพื่อให้บริษัทสามารถขอการเยียวยาหรือจํากัดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น กับบริษัท การสอบสวนการละเมิดข้อตกลง การสร้าง ใช้ หรือต่อสู้สิทธิตามกฎหมายของบริษัท รวมถึง การดําเนินการตามกฎหมาย

 

12. เพื่อตรวจสอบและป้องกันความเสี่ยงทางธุรกิจต่อบริษัท / เพื่อตรวจจับการทุจริต เช่น

      • เพื่อพิสูจน์ตัวตน ของท่าน
      • เพื่อตรวจสอบว่ามีการปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบอื่น ๆ (เช่น เพื่อปฏิบัติตามกฎด้านการป้องกันและ ปราบปรามการฟอกเงิน และป้องกันการทุจริต) รวมถึงการทําการตรวจสอบและบันทึกเป็นการภายใน การจัดการ ทรัพย์สิน ฐานข้อมูลด้านการทุจริต ระบบและการควบคุมธุรกิจอื่น ๆ
      • เพื่อดําเนินการใดที่อาจเกิดการกระทําการทุจริต ภัยคุกคามทางไซเบอร์ การผิดนัดชําระหนี้/ผิดสัญญา (เช่น ข้อมูลการเป็นบุคคลล้มละลาย) รวมถึงการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
      • เพื่อยกระดับมาตรฐานการทํางานของบริษัทหรือบริษัทในเครือ ในการป้องกัน รับมือ ลด หรือดําเนินการอย่างอื่นในทํานองเดียวกัน การดําเนินกระบวนการทาง วินัย กระบวนการสอบสวนและการลงโทษทางวินัย

 

13. เพื่อการทําธุรกรรมขององค์กร เช่น

      • ซึ่งรวมถึงในกรณีที่มีการปรับโครงสร้างองค์กร การควบรวมกิจการ การขาย การซื้อ การร่วมลงทุน การโอนสิทธิ การโอน หรือการจําหน่ายกิจการ ทรัพย์สิน หรือหุ้น การฟื้นฟูกิจการ การร่วมทุนหรือการทําธุรกรรมที่คล้ายกัน ไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ซึ่งบริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ให้กับผู้รับโอนสิทธิ และ/หรือ หน้าที่ของเราไม่ว่าจะรายเดียวหรือหลายรายอันเป็นส่วนหนึ่งของการทําธุรกรรมนั้น

 

14. เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล

       ทั้งนี้ การที่ท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้นที่จําเป็นกับบริษัทอาจส่งผลให้บริษัทไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่หรือภาระผูกพัน ตามสัญญาจ้างงานหรือจ้างบริการแก่ท่านได้ เช่น บริษัทไม่อาจดําเนินการตามที่ท่านร้องขอได้ ท่านอาจไม่ได้รับความสะดวก หรือไม่ได้รับการปฏิบัติตามสัญญาและท่านอาจได้รับความเสียหายหรือเสียโอกาสในการได้รับสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ การที่ท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติตามกฎหมายใด ๆ ที่บริษัทหรือท่านต้องปฏิบัติตามซึ่งมีบทกําหนดโทษที่เกี่ยวข้องอีกด้วย

ข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อน และจุดประสงค์การใช้งาน

1. ศาสนา เพื่อวัตถุประสงค์ในการจ้างงานและประเมินคุณสมบัติที่จะจ้างงาน เพื่อการจัดทำวีซ่า และการอำนวยความสะดวกและการจัดสวัสดิการ
2. เชื้อชาติ เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์และยืนยันตัวตน เพื่อวัตถุ ประสงค์ในการจ้างงานและประเมินคุณสมบัติที่จะจ้างงาน เพื่อการจัดทำวีซ่า และการจัดสวัสดิการ
3. ข้อมูลชีวภาพ (เช่นลายนิ้วมือ ระบบการจดจำใบหน้า ข้อมูลภาพถ่ายจำลองใบหน้า) เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์และยืนยันตัวตนของท่าน การลงทะเบียนงานสัมมนาและการประชุมต่าง ๆ การเข้าถึงระบบงานภายในของบริษัท และการเข้าออกพื้นที่อาคาร
4. ความพิการ เพื่อวัตถุประสงค์ในการจ้างงานและประเมินคุณสมบัติที่จะจ้างงาน การอำนวยความสะดวกและการจัดสวัสดิการ
5. ข้อมูลสุขภาพ (เช่น ประวัติการเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ การตรวจสุขภาพและการรักษาพยาบาล เพื่อวัตถุประสงค์ในการจ้างงานและประเมินคุณสมบัติที่จะจ้างงาน เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาเกี่ยวกับงานบริหารทรัพยากรบุคคลของบริษัท เช่น สวัสดิการ วันลา และ/หรือการเบิกจ่าย การตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกายสุขภาพในกรณีที่ท่านอยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถให้ความยินยอมได้
6.ข้อมูลพันธุกรรม เช่น หมู่เลือด เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาเกี่ยวกับงานบริหารทรัพยากรบุคคลของบริษัท เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกายสุขภาพในกรณีที่ท่านอยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถให้ความยินยอมได้
7. ข้อมูลอาชญากรรม เพื่อวัตถุประสงค์ในการจ้างงานและประเมินคุณสมบัติที่จะจ้างงาน เพื่อการตรวจสอบหรือสอบสวนทางวินัย
8.ข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งอาจจะเป็นประวัติการลงโทษทางวินัยของพนักงาน ข้อมูลค่าจ้าง เงินเดือน ค่าตอบแทนพนักงาน

 

หากบริษัทอาศัยความยินยอมจากท่านในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนไปยังต่างประเทศซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านมีสิทธิถอนความยินยอมของท่านเสียเมื่อใดก็ได้ ซึ่งท่านสามารถทำได้โดยติดต่อ winstar.seco@gmail.com

 

การถอนความยินยอมอาจจะส่งผลให้บริษัทไม่สามารถเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนไปยังต่างประเทศซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ข้างต้นได้อีกต่อไป และอาจะเป็นผลให้บริษัทไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่หรือภาระผูกพันตามสัญญาจ้างงานหรือจ้างบริการที่มีต่อท่านทั้งหมดหรือบางส่วนได้ ทั้งนี้การถอนความยินยอมของท่านย่อมไม่กระทบถึงกิจกรรมที่เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนไปยังต่างประเทศซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อนที่ท่านได้ให้ความไปแล้วก่อนที่จะมีการถอนความยินยอม

 

บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนไปยังต่างประเทศซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนเมื่อได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านเท่านั้นหรือตามที่กฏหมายอนุญาต

 

5.2 ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สาม หากท่านให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามแก่บริษัท เช่น คู่สมรส บุตร บิดา / มารดา ผู้ค้ำประกัน หัวหน้างาน ผู้กู้ร่วม บุคคลอ้างอิง หรืออดีตนายจ้าง โดยให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลดังกล่าวแก่บริษัท เช่น ชื่อ นามสกุลรายละเอียดที่อยู่ /สถานที่ทำงาน อาชีพ รายได้ หมายเลขโทรศัพท์ เลขประจำตัวประชาชน เลขที่หนังสือเดินทางสัญชาติ วันเกิด เพศ ประเภทบุตร จำนวนบุตร ข้อมูลทะเบียนสมรส (เช่น เลขทะเบียน วันที่จดทะเบียน ที่ตั้งสำนักทะเบียน จังหวัด ข้อตกลง) ลายมือชื่อ ข้อมูลบริษัท /ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รายงานการมีส่วนได้เสียในนิติบุคคลอื่น ข้อมูลการถือหุ้นในนิติบุคคลต่างๆ รายงานการถือหลักทรัพย์ของบริษัท ข้อมูลหลักทรัพย์ค้ำประกัน โปรดแจ้งนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้แก่บุคคลที่สามดังกล่าวเพื่อให้รับทราบนโยบายความเป็นส่วนตัวของบริษัทและขอความยินยอมจากบุคคลดังกล่าวหากจำเป็น เว้นเสียแต่ว่ามีฐานทางกฎหมายอื่นตามกฎหมายในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามมายังบริษัทโดยที่ไม่จำต้องขอความยินยอม

 

5.3 ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ บุคคลเสมือนไร้ความสามารถ ผู้ไร้ความสามารถบริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับผู้เยาว์ บุคคลเสมือนไร้ความสามารถ หรือบุคคลไร้ความสามารถเมื่อได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง ผู้พิทักษ์หรือผู้อนุบาลเท่านั้น (แล้วแต่กรณี) บริษัทไม่มีเจตนาที่จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วน บุคคลจากบุคคลที่อายุต่ำกว่า 20 ปีโดยไม่ได้รับความยินยอมของผู้ปกครองตามที่กฎหมายกำหนด หรือจากบุคคลเสมือนไร้ความสามารถหรือบุคคลไร้ความสามารถโดยไม่มีความยินยอมของผู้พิทักษ์หรือผู้อนุบาลตาม กฎหมาย แล้วแต่กรณี ในกรณีที่บริษัททราบว่าบริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากบุคคลใดที่อายุน้อยกว่า 20 ปีโดยไม่ได้รับความยินยอมของผู้ปกครองตามที่กฎหมายกำหนด หรือจากบุคคลเสมือนไร้ความสามารถหรือบุคคลไร้ความสามารถโดยไม่ได้รับความยินยอมของผู้พิทักษ์หรือผู้อนุบาลตามกฎหมาย (แล้วแต่กรณี) โดยไม่ได้ตั้งใจ บริษัทจะลบข้อมูลส่วนบุคคลนั้นทันทีหรือจะเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนไปยังต่างประเทศซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะกรณีที่สามารถอาศัยฐานทางกฎหมายอื่นที่นอกเหนือจากความยินยอมหรือตาที่กฏหมายอนุญาต

6. แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล

 

6.1 ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากเจ้าของข้อมูลโดยตรง จากกระบวนการสรรหาและรับสมัครงาน การกรอกข้อมูลในใบสมัครงาน เอกสารแนบประกอบการพิจารณาและคัดเลือกเข้าทำงาน การทำแบบสอบถาม การสัมภาษณ์ รวมถึงข้อมูลและการปรับปรุงข้อมูลของท่านจากการจ้างงานหรือกระบวนการต่างๆ ในช่วงเวลาที่ท่านเป็นพนักงานหรือบุคลากรของบริษัทฯ

 

6.2 ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งอื่น บริษัทฯ อาจรวบรวมข้อมูลของท่านจากแหล่งอื่น เช่น ตัวแทนจัดหางาน เว็บไซด์สมัครงาน ข้อมูลจากบุคคลอ้างอิงหรือผู้ให้การรับรอง ข้อมูลจากการตรวจสอบประวัติส่วนตัวอื่นๆ ข้อมูลระบบการนำทาง ระบบเครือข่าย ซึ่งเป็นไปตามความจำเป็นตามแต่กรณีที่กฎหมายอนุญาต

 

6.3 ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สาม บริษัทฯ อาจได้รับข้อมูลบุคคลที่สามที่มีความเกี่ยวข้องกับท่านโดยเจ้าของข้อมูลเป็นผู้ให้ข้อมูลกับบริษัทฯ เช่น คู่สมรส บุตร บิดา มารดา สมาชิกในครอบครัว บุคคลติดต่อกรณีฉุกเฉิน ผู้รับผลประโยชน์ บุคคลอ้างอิงหรืออดีตนายจ้าง ซึ่ง บริษัทฯ ใช้ข้อมูลเพื่อจัดการสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ให้กับเจ้าของข้อมูล หรือ ติดต่อในกรณีฉุกเฉิน หรือเพื่ออ้างอิงข้อมูลอันเป็นประโยชน์กับเจ้าของข้อมูล โปรดแจ้งนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้แก่บุคคลที่สามดังกล่าว เพื่อให้รับทราบนโยบายความเป็นส่วนตัวของบริษัทฯ และขอความยินยอมจากบุคคลดังกล่าวหากจำเป็น เว้นเสียแต่ว่ามีข้อกำหนดทางกฎหมายอื่นตามกฎหมายในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามให้กับบริษัทฯ โดยไม่ต้องขอความยินยอม

7. สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

 

7.1 สิทธในการถอนความยินยอม มาตรา 19 ว.5 (Right to Withdraw Consent) เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอเพิกถอนความยินยอมที่ให้บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของตนเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่การเพิกถอนความยินยอมจะมีข้อจำกัดโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่เจ้าของข้อมูล เช่น เจ้าของข้อมูลยังมีสัญญาจ้างกับบริษัท หรือเจ้าของข้อมูลยังมีภาระหนี้หรือภาระผูกพันตามกฎหมายอยู่กับบริษัท เป็นต้น ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมดังกล่าวอาจทำให้เจ้าของข้อมูลไม่สามารถรับบริการหรือทำธุรกรรมกับบริษัทได้ หรืออาจทำให้บริการที่จะได้รับจากบริษัทไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร

 

7.2 สิทธิได้รับการแจ้งให้ทราบ มาตรา 23 (Right to be informed) เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิได้รับการแจ้งให้ทราบ เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมจะนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ใด จะเปิดเผยให้ใครบ้าง

 

7.3 สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล มาตรา 30 (right of access) เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลและขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว รวมถึงขอให้บริษัท เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ได้ให้ความยินยอมต่อบริษัท ให้แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้

 

7.4 สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล มาตรา 31 (right to data portability) เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้ไว้กับบริษัท ไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่น หรือ ตัวเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเองด้วยเหตุบางประการได้

 

7.5 สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล มาตรา 32 (right to object) เจ้าของข้อมูลมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนเมื่อใดก็ได้ ในกรณีดังต่อไปนี้

      (1) กรณีที่เป็นข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้ด้วยเหตุจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท หรือ เหตุจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท เว้นแต่

          (ก) บริษัทแสดงให้เห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญยิ่งกว่า หรือ

          (ข) เป็นไปเพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตาม หรือ การใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือ การยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

      (2) กรณีที่เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง

      (3) กรณีที่เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ เว้นแต่การจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท

 

7.6 สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล มาตรา 33 (right to erasure) เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอให้บริษัทลบ หรือ ทำลาย หรือ ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ ในกรณีดังต่อไปนี้

      (1) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย

      (2) เมื่อเจ้าของข้อมูลถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล และบริษัทไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นได้ต่อไป

      (3) เมื่อเจ้าของข้อมูลคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามข้อ 6.5 (1) และบริษัทไม่อาจปฏิเสธคำขอคัดค้าน หรือเป็นการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง

      (4) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลได้ถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

 

7.7 สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล มาตรา 34 (right to restriction of processing) เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ ในกรณีดังต่อไปนี้

      (1) เมื่อบริษัทอยู่ในระหว่างการตรวจสอบตามที่เจ้าของข้อมูลร้องขอให้ดำเนินการให้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ หรือไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

      (2) เมื่อเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องลบหรือทำลาย เพราะเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่เจ้าของข้อมูลขอให้ระงับการใช้แทน

      (3) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล แต่เจ้าของข้อมูลมีความจำเป็นต้องขอให้เก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิตามกฎหมาย การปฏิบัติตาม หรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือ การยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

      (4) เมื่อบริษัทอยู่ในระหว่างการพิสูจน์ให้เห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญยิ่งกว่า หรือการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตาม หรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูล

 

7.8 สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง มาตรา 36 (right to rectification) เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการขอให้บริษัทแก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือ เพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์ ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลเห็นว่าข้อมูลส่วนบุคคลใดที่เกี่ยวกับตนไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน ไม่สมบูรณ์ หรืออาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด เจ้าของข้อมูลสามารถขอให้บริษัทดำเนินการแก้ไขเพื่อให้ข้อมูลถูกต้อง เป็นปัจจุบันสมบูรณ์และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้ โดยทำคำร้องขอต่อบริษัทตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่บริษัทกำหนด ในกรณีที่บริษัทไม่ดำเนินการตามคำร้องขอของเจ้าของข้อมูลตามวรรคแรก บริษัทจะจัดทำบันทึกคำร้องขอของเจ้าของข้อมูล พร้อมด้วยเหตุผลไว้เป็นหลักฐานเพื่อให้เจ้าของข้อมูลสามารถตรวจสอบได้

 

7.9 สิทธิในการร้องเรียนมาตรา 37 (Right to Complain) เจ้าของข้อมูลมีสิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่บริษัทหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งลูกจ้างหรือผู้รับจ้างของบริษัทหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือประกาศที่ออกตามกฎหมายดังกล่าวได้ที่

 

บริษัทคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ชั้น 7 อาคารรัฐประศาสนภักดี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 10210

 

ทั้งนี้ สิทธิของเจ้าของข้อมูลดังกล่าวข้างต้นขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งบริษัทอาจไม่สามารถดำเนินการตามคำร้องขอของเจ้าของข้อมูลได้ในกรณีที่กฎหมายกำหนด หรือในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นถูกทำให้ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลได้ หรือในกรณีที่บริษัทมีประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate interest) ที่จะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เช่น เจ้าของข้อมูลยังใช้บริการหรือทำธุรกรรมอยู่กับบริษัท หรือบริษัทมีหน้าที่ตามกฎหมายที่ต้องปฏิบัติตาม เช่น การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด หรือเพื่อการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย ทั้งนี้ แม้ว่าเจ้าของข้อมูลจะยุติความสัมพันธ์กับบริษัทแล้ว เป็นต้น

8. บริษัทอาจจะเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับใครบ้าง

 

บริษัทอาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลที่สามต่อไปนี้ ซึ่งเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยและ/หรือ โอนไปยังต่างประเทศซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์ภายใต้นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ โดยบุคคล ที่สามเหล่านี้อาจอยู่ในประเทศไทยหรือนอกประเทศไทยก็ได้ ท่านสามารถดูนโยบายความเป็นส่วนตัวของบุคคลเหล่านี้ เพื่อทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการที่บุคคลเหล่านี้เก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนไปยังต่างประเทศซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ เนื่องจากท่านคือเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในนโยบายความเป็นส่วนตัวของบุคคลที่สามดังกล่าว

 

8.1 บริษัทในเครือ บริษัทอาจต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านกับบุคคลอื่นเพื่อวัตถุประสงค์ที่ระบุในข้อ 5 แก่ สาขา/กลุ่มธุรกิจ/ บริษัทในเครือ การเปิดเผยข้อมูลให้กับสาขา/กลุ่มธุรกิจ/ บริษัทในเครือดังกล่าวจะทําให้บริษัทอื่น ๆ เหล่านั้นภายในกลุ่มสามารถอาศัย ความยินยอมท่านได้ให้ไว้แก่บริษัทเพื่อเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนไปยังต่างประเทศซึ่งข้อมูลส่วนบุคคล ของท่านได้

 

8.2 ผู้ให้บริการของบริษัท บริษัทอาจใช้บริการบริษัท ตัวแทน หรือผู้รับจ้างอื่นเพื่อให้บริการต่าง ๆ แทนบริษัทหรือเพื่อช่วยในการจัดหา หรือจัดให้มีสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ให้แก่ท่าน บริษัทอาจแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ผู้ให้บริการ หรือผู้จัดหาผลิตภัณฑ์บริการจากภายนอก ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จํากัดเฉพาะ

      1. ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ซอฟต์แวร์ นักพัฒนาเว็บไซต์ สื่อดิจิทัล แพลตฟอร์ม ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและบริษัทผู้ให้บริการสนับสนุนด้าน เทคโนโลยีสารสนเทศ

      2. ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์และการขนส่ง

      3. ผู้ให้บริการการเรียน การสอน การฝึกอบรม การจัดสอบ และวิทยากร

      4. บริษัทที่ให้บริการด้านงานกิจกรรม

      5. ผู้ให้บริการด้านการจัดเก็บข้อมูลและบริการ คลาวด์

      6. ผู้ตรวจสอบบัญชี

      7. ทนายความ ที่ปรึกษาทางกฎหมาย เพื่อประโยชน์ของบริษัท รวมถึงการใช้สิทธิ เรียกร้องตามกฎหมายและต่อสู้สิทธิเรียกร้องในทางกฎหมาย ผู้ตรวจสอบบัญชีและ/หรือผู้ประกอบวิชาชีพอื่น ๆ ในการช่วยเหลือการดําเนินธุรกิจของบริษัท

      8. ผู้ให้บริการด้านการจัดเก็บและ/หรือทําลายเอกสาร

      9. ผู้ให้บริการด้านการจัดหางาน และการบริหารทรัพยากรบุคคล

      10. ผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมและการสื่อสาร

      11. ผู้ให้บริการด้านธุรการจากภายนอก ในระหว่างการให้บริการดังกล่าว ผู้ให้บริการอาจมีสิทธิเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน อย่างไรก็ตาม บริษัทจะให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่ผู้ให้บริการเท่าที่จําเป็นต่อการให้บริการเท่านั้น และบริษัทจะขอให้ผู้ให้บริการไม่ใช้ข้อมูล ส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ และบริษัทจะดําเนินการให้แน่ใจว่าผู้ให้บริการที่บริษัททํางานด้วยรักษา ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่กฎหมายกําหนด

 

8.3 พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท บริษัทอาจโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท เพื่อดําเนินธุรกิจและให้บริการแก่ ลูกค้าของบริษัทและกลุ่มลูกค้าที่มีแนวโน้มในการใช้บริการจากบริษัท รวมถึงแต่ไม่จํากัดเฉพาะ สถาบันการศึกษา หน่วยงานหรือสถาบันจัดอบรมความรู้หรือวิชาชีพ โรงพยาบาล บริษัทจองตั๋วเครื่องบิน บริษัทประกัน บริษัทตัวแทน (เอเจนซี่) [บริษัทที่ผลิตบัตร บริษัทที่พิมพ์ข้อมูล บริษัทที่ให้บริการด้านการวิเคราะห์ การวิจัย และการสํารวจ]

 

8.4 บุคคลภายที่กฏหมายกำหนด ในบางกรณี บริษัทอาจต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย รวมถึงคําสั่งที่ออกตาม กฎหมาย ซึ่งรวมถึงหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ศาล กรมบังคับคดี ผู้มีอํานาจ หน่วยงานรัฐบาล (เช่น บริษัทแห่ง ประเทศไทย สํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สํานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สํานักงานตํารวจ แห่งชาติ กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ สํานักงานคณะกรรมการกํากับ หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน สํานักงานสัสดี และ/หรือหน่วยงานอื่น ๆ) หรือบุคคล อื่นหากบริษัทเชื่อว่ามีความจําเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเพื่อปกป้องสิทธิของบริษัท สิทธิของบุคคลที่สาม หรือเพื่อความปลอดภัยของบุคคล หรือเพื่อตรวจสอบ ป้องกัน หรือแก้ไขปัญหาการทุจริต ความมั่นคง ความปลอดภัย รวมทั้งความเสี่ยงอื่นใด

 

8.5 สมาคมและชมรม ในบางกรณี บริษัทอาจต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่สถาบัน สมาคม หรือชมรมที่เกี่ยวข้อง เช่น สมาคมผู้ตรวจสอบแห่งประเทศไทย สมาคมนักวางแผนการเงิน รวมถึงสมาคมบริษัทไทย เพื่อส่งเสริมศักยภาพ ของท่าน โดยการจัดหาหลักสูตรอบรม ทดสอบ และรักษาสถานภาพ เพื่อให้ท่านได้คุณวุฒิพิเศษ

 

8.6 ผู้รับโอนสิทธิ และ/หรือ หน้าที่ ในกรณีของการฟื้นฟูกิจการ การควบรวมกิจการ การโอนธุรกิจไม่ว่าทั้งหมดหรือส่วนหนึ่ง การขาย การซื้อ การดําเนินกิจการร่วมค้า การมอบ การโอน หรือการจําหน่ายส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของธุรกิจ ทรัพย์สิน หุ้น หรือ ธุรกรรมอื่นที่คล้ายกัน บริษัทย่อมมีความจําเป็นที่จะต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลที่สามที่ได้รับ การโอนหรือที่ประสงค์จะรับโอนสิทธิของบริษัท เช่น นายจ้างใหม่หรือผู้มีโอกาสเป็นนายจ้างใหม่ ทั้งนี้ บริษัทจะ ดําเนินการให้บุคคลดังกล่าวต้องปฏิบัติตามนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้เมื่อมีการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/ หรือ โอนไปยังต่างประเทศซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

 

8.7 บุคคลภายนอก บริษัทอาจต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้ฐานทางกฎหมายตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้แก่บุคคลภายนอกอื่น ๆ เช่น ลูกค้า บุคคลอ้างอิงอื่นตามกฎหมาย โรงแรม (แล้วแต่กรณี) เป็นต้น

9. บริษัทเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคลไว้นานเพียงใด

 

บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตามระยะเวลาเท่าที่เหมาะสมและจำเป็นสำหรับข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภทและแต่ละวัตถุประสงค์ตามที่ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

 

ระยะเวลาที่บริษัทเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะเป็นไปตามอายุความหรือระยะเวลาในการบังคับใช้กฎหมาย อย่างไรก็ตาม หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว บริษัทอาจเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าวต่อไปอีกหากมีภาระหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หรือในกรณีที่มีการใช้สิทธิเรียกร้องบางประการหรือมีข้อร้องเรียนที่ทำให้บริษัทจำเป็นต้องเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือ ด้วยเหตุผลทางกฎระเบียบหรือทางเทคนิค ซึ่งหากบริษัทจำเป็นต้องเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลทางของท่านเป็นระยะเวลานานกว่าที่กล่าวมานี้ บริษัทจะยังคงปกป้องคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไป

 

นอกจากนี้ บริษัทอาจจำเป็นต้องเก็บบันทึกข้อมูลจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่สำนักงาน สาขา บันทึกบุคคลผู้เข้าถึงพื้นที่ของบริษัท เพื่อป้องกันเหตุทุจริตและการรักษาความปลอดภัยรวมถึงตรวจสอบธุรกรรมต้องสงสัยที่ลูกค้าหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องอาจแจ้งหรือติดต่อมายังให้บริษัท

 

9.1 ผู้สมัครงาน ที่ไม่ได้รับการคัดเลือก บริษัทฯ จะจัดเก็บข้อมูลของเจ้าของข้อมูลไว้เป็นระยะเวลา 1 ปี นับจากวันที่ทราบผล เพื่อที่บริษัทฯ จะสามารถติดต่อเจ้าของข้อมูลในกรณีที่มีตำแหน่งงานใด ๆ ในอนาคตที่อาจเหมาะสมกับท่าน

 

9.2 พนักงานและบุคลากรของบริษัทฯ บริษัทฯ จะจัดเก็บข้อมูลของท่านไว้เป็นระยะเวลา 3 ปี นับจากวันที่พ้นสภาพการเป็นพนักงานหรือบุคลากรของบริษัทฯ เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์ตรวจสอบกรณีอาจเกิดข้อพิพาทภายในอายุความตามที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ บริษัทฯ จะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุถึงตัวตนของท่านได้ เมื่อหมดความจำเป็นหรือสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว

10. คุกกี้

 

บริษัทอาจเก็บรวบรวมและใช้คุกกี้และเทคโนโลยีในลักษณะเดียวกัน เมื่อท่านเข้าใช้ระบบ ผลิตภัณฑ์ หรือบริการของบริษัท รวมถึงการใช้เว็บไซต์ ระบบที่ใช้สำหรับการทำงานและการให้บริการของบริษัท ระบบอิเล็กทรอนิกส์ การทำธุรกรรมทางการเงินผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และแอพพลิเคชั่น ของบริษัท

 

การเก็บรวบรวมและใช้คุกกี้และเทคโนโลยีในลักษณะเดียวกันดังกล่าวจะช่วยให้บริษัทสามารถจดจำท่าน ทราบถึงการทำงานและความชื่นชอบของท่าน และปรับปรุงวิธีการที่บริษัทจะนำเสนอระบบผลิตภัณฑ์ หรือบริการให้ตรงกับความต้องการของท่าน บริษัทอาจใช้คุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ เช่น ปรับปรุงหรือพัฒนารูปแบบและวิธีการทำงาน ปรับปรุงให้ท่านได้รับประสบการณ์ออนไลน์ที่ดีขึ้น ช่วยให้บริษัทเข้าใจวิธีการในการโต้ตอบกับท่านผ่านอีเมลของบริษัทได้ดีขึ้น ช่วยให้บริษัทปรับปรุงการสื่อสารกับท่าน และเพื่อให้มั่นใจว่าสื่อโฆษณาออนไลน์ที่ได้แสดงแก่ท่านนั้นมีความเกี่ยวข้องกับท่านและความสนใจของท่าน

11. การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์เดิม

 

บริษัทมีสิทธิในการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้เก็บรวบรวมไว้ก่อนวันที่พรบ. คุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับต่อไปตามวัตถุประสงค์เดิม หากท่านไม่ประสงค์ที่จะให้บริษัทเก็บรวมรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว โปรดแจ้งการถอนความยินยอมของท่านให้บริษัททราบในเวลาใดก็ได้

12. การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล

 

บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นอย่างดีตามมาตรการเชิงเทคนิค (Technical Measure) และมาตรการเชิงบริหารจัดการ (Organizational Measure) เพื่อรักษาความปลอดภัยในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม และเพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทฯ ได้กำหนดนโยบาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้รับข้อมูลไปจากบริษัทฯ ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลนอกวัตถุประสงค์ หรือโดยไม่มีอำนาจหรือโดยมิชอบ และบริษัทฯ ได้มีการปรับปรุงนโยบาย ระเบียบและหลักเกณฑ์ดังกล่าวเป็นระยะตามความจำเป็น และเหมาะสม นอกจากนี้ผู้บริหาร พนักงาน ผู้รับจ้าง ตัวแทน ที่ปรึกษา และผู้รับข้อมูลจากบริษัทฯ มีหน้าที่ต้องรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรการรักษาความลับที่บริษัทฯ กำหนด

13. การเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้

 

บริษัทอาจเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้เป็นครั้งคราวหากมีการเปลี่ยนแปลงแนวทางปฏิบัติว่าด้วย การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทอันเนื่องมาจากเหตุผลต่าง ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงทางกฎหมาย โดยการแก้ไขนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้จะมีผลใช้บังคับเมื่อบริษัทเผยแพร่บน https://lighttrio.com อย่างไรก็ตาม หากการแก้ไขดังกล่าวมีผลกระทบอย่างมีนัยสําคัญต่อท่านในฐานะเจ้าของ ข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้าตามความเหมาะสมก่อนที่การเปลี่ยนแปลงนั้นจะมีผลใช้บังคับ

14. ช่องทางติดต่อ

 

หากเจ้าของข้อมูลประสงค์จะติดต่อ หรือมีข้อสงสัย หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงสิทธิของเจ้าของข้อมูลตามนโยบายฉบับนี้ หรือต้องการยกเลิกการให้ความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล หรือกรณีที่พบว่ามีการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลไปในทางที่ไม่ชอบ เจ้าของข้อมูลสามารถติดต่อบริษัท ทางช่องทางดังต่อไปนี้

รายละเอียดผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

ชื่อ บริษัท วินสตาร์ไล้ท์ติ้ง จำกัด
สถานที่ติดต่อ 259/1 ถ.สุขสวัสดิ์ ตำบล แหลมฟ้าผ่า อำเภอ พระสมุทรเจดีย์ จังหวัด สมุทรปราการ 10290
ช่องทางติดต่อ โทร. 0-2848-8756
อีเมล์ winstar.seco@gmail.com

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer)

ชื่อ นางสาวธนัฎฐา ทิพย์มาก
สถานที่ติดต่อ 259/1 ถ.สุขสวัสดิ์ ตำบล แหลมฟ้าผ่า อำเภอ พระสมุทรเจดีย์ จังหวัด สมุทรปราการ 10290
ช่องทางติดต่อ โทร. 0-2848-8756
อีเมล์ winstar.seco@gmail.com